การลงลายมือชื่อกรณีทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
ในกรณีที่มีการให้ผู้ยืมเงินโดยวิธีการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หากมีการดำเนินการต่างๆตามที่กฎหมายบัญญัติ กรณีก็ถือว่าเป็นการลงลายมือชื่อมีหลักฐานการกู้ยืมแล้วตามกฎหมาย
คำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง
คำพิพากษาฎีกาที่ 8089/2556 การที่จำเลยนำบัตรกดเงินสดควิกแคชไปถอนเงินและใส่รหัสส่วนตัวเปรียบได้กับการลงลายมือชื่อตนเอง ทำรายการเบิกถอนเงินตามที่จำเลยประสงค์ และกดยืนยันทำรายการพร้อมรับเงินสดและสลิป การกระทำดังกล่าวถือเป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินของโจทก์ตามพรบว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ 2544 มาตรา 78 และมาตรา 9 ประกอบกับคดีนี้จำเลยมีการขอขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้สินเชื่อเงินสดควิกแคชที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์ ซึ่งโจทก์มีเอกสารซึ่งมีข้อความชัดว่า จำเลยรับว่าเป็นหนี้โจทก์ขอขยายระยะเวลาในการชำระหนี้โดยจำเลยลงลายมือชื่อมาแสดงจึงรับฟังเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมอีกโสดหนึ่ง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คำอธิบาย หลักฐานเป็นหนังสือนั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นสัญญากู้ยืมเงินเสมอไป แต่จะปรากฏเป็นหลักฐานเป็นหนังสือในรูปแบบใดก็ได้ที่มีรายชื่อผู้ลงไว้เป็นสำคัญ เช่น จดหมายโต้ตอบ หนังสือรับสภาพหนี้ บันทึกการเปรียบเทียบของอำเภอ รายงานการประชุม รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีของเจ้าพนักงานตำรวจเป็นต้น
ฎีกาที่ 36/2555 เอกสาร จ.2 นอกจากจะเป็นหลักฐานว่าจำเลยรับว่าโฉนดที่ดินจาก ส.แล้ว เอกสารดังกล่าวยังมีข้อความที่แสดงว่าเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2536 จำเลยได้กู้ยืมเงินจากสจำนวน 2 ล้านบาท จึงเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้กู้ด้วย แม้จำเลยซึ่งเป็นผู้กู้ไม่เจตนาให้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมก็ตาม การที่คู่สัญญาได้ทำสัญญากู้ยืมกันเป็นหนังสือไว้แล้ว หามีผลทำให้เอกสารฉบับนี้ไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม โจทก์จึงใช้เอกสารหมาย จ.2 เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือขอให้จำเลยรับผิดได้
ฎีกาที่ 4537/2553 ประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์มาตรา 653 วรรคแรก (เดิม) บัญญัติว่า การกู้ยืมเงินกว่า 50 บาทขึ้นไปนั้น ถ้าไม่ได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้มาบังคับคดีหาได้ไม่ สาระสำคัญของหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์มาตรา 653 วรรคแรก อยู่ที่ว่า มีการแสดงให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกันก็เพียงพอแล้ว ไม่ได้บังคับถึงกับจะต้องระบุชื่อของผู้ให้กู้ไว้ ดังนั้น เมื่อโจทก์นำหนังสือสัญญากู้และค้ำประกันมาฟ้องจำเลยทั้งสาม ได้ปรากฏชัดว่าเอกสารพิพาทมีสาระสำคัญแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้ แม้จะไม่ได้ระบุชื่อผู้ให้กู้ไว้ให้ถูกต้องแต่ระบุจำนวนเงินและจำเลยที่ 1 รวมรายชื่อไว้ในฐานะผู้กู้ครบถ้วน จึงถือว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินและค้ำประกันของโจทก์ได้แล้ว
ปรึกษากฎหมายคดีเงินกู้ ทนายคดีเงินกู้ 091 047 3382 ( ทนายสุริยา สนธิวงศ ) สำนักงานกฎหมายสยามอินเตอร์ลอว์ ถนนบางนา – ตราด จังหวัดสมุทรปราการ